ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Donald Trump ออกมาต่อว่า เหล่าคณะกรรมการและวิธีการของประธานเฟด คุณ Jerome Powell แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การปรับนโยบายทางการเงินสู่ระดับปกติ และการเติบโตของยอดจีดีพี อย่างต่อเนื่อง ยังคงสนับสนุนสกุลเงินประจำชาติของสหรัฐอเมริกาอยู่ตามเดิม ในขณะที่ การเดิมพันของไพ่ตายของนาย Trump ก็อาจจะทำให้เกิด การปิดสถานะการซื้อแบบสุทธิสูงสุด สำหรับเงินดอลลาร์ได้ช่วงตอนต้นของปีที่ผ่านมา

การปรับฐานของดัชนี ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มระมัดระวังอย่างมากกับการลงทุนในหุ้น ที่ออกโดยสหรัฐอเมริกา ยังมีการอภิปรายอยู่บ่อยครั้ง ที่เกี่ยวข้องกับ ข้อเท็จจริงที่ว่า อัตราดอกเบี้ยใน พันธบัตรอายุ 10 ปี ที่อยู่ในระดับ 3.15% จะค่อนข้างสูงเกินไป ทางด้าน Barclays คาดว่า มันจะยังอยู่ต่ำกว่า 3% ในช่วงนี้ ตามหลักฐานที่พบ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลทางสถิติของ การค้าปลีกในเดือนกันยายน และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ค่อยเป็นใจนั้น ได้เคลื่อนตัวออกห่างจากเป้าหมายใน 2%

ในเวลาเดียวกัน การขาดดุลในงบประมาณถึง 779 พันล้านเหรียญ ซึ่งมากที่สุดในรอบหกปี และการเติบโตของความสมดุลเชิงลบในด้านการค้ากับต่างประเทศ ได้สร้างแรงกดดันต่อ "ชาวอเมริกัน" ในปี 2018 พบว่า ตัวบ่งชี้แรกได้ปรับตัวขึ้นมาจาก 3.5% ไปเป็น 3.9% ของยอดจีดีพี โดยต้องทราบว่า อัตราการว่างงานก่อนหน้านี้ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4% (ในปี 2000) ซึ่งก็คือ 2.3% แต่เมื่ออัตราการว่างงานได้อยู่ที่ 3.7% (ในปี 1969) ซึ่งอยู่ใน 0.3% ของยอดจีดีพี

หนึ่งในปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ ในช่วงเดือนเมษายน จนถึงเดือนตุลาคม นั้นก็คือการส่งเงินกลับประเทศ จากการปฏิรูปด้านภาษี แต่อัตราการเติบโตได้ลดระดับลงไปอย่างเห็นได้ชัดจากเดิมที่ 294.9 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรก ไปเป็น 169.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สอง สำหรับผลกระทบจากมาตรการการกระตุ้นทางการเงินก็กำลังหายไป ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงไปภายในประเทศ แล้วมันยังสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีอีกกรณีหนึ่ง ก็คืออาจจะเพิ่มปัญหาให้กับเงินดอลลาร์ ซึ่งจะกลายมาเป็นการเลือกตั้งช่วงกลางในสหรัฐอเมริกา

Goldman Sachs ได้เห็นด้วยกับเงินดอลลาร์

ส่วนแบ่งของเงินดอลลาร์ในทุนสำรองของธนาคารกลางระดับโลกลดลงไปยัง 62.3% ในไตรมาสที่สอง ในเวลาเดียวกัน การลงทุนในสกุลเงินยูโร, เยน และหยวน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา อ้างอิงตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ทางด้านนักวิเคราะห์จาก Goldman เชื่อว่า นโยบายการคว่ำบาตร ได้มีบทบาทสำคัญในด้านเงินสำหรับเงินดอลลาร์

มาตรการการจำกัด และภาษีด้านการค้า ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่สำคัญในการเมืองระหว่างประเทศของนาย Trump ในหลายประเทศอย่างเช่น ประเทศจีน และอิหร่าน ที่ได้ประสบมาแล้ว ส่วนผู้เชี่ยวชาญจาก Goldman ชี้ให้เห็นถึงข้อเสียที่ว่า การคว่ำบาตรได้ส่งผลไปยัง สถานะการขึ้นนำของเงินดอลลาร์ในโครงสร้างของทุนสำรองของโลก

แล้วใครกันที่กำลังขัดขวางการขึ้นนำ

เงินดอลลาร์ได้สูญเสียกำลังไปใน เลยทำให้การเติบโตของความเป็นใหญ่ได้ลดลงมา แต่มันคุ้มค่าแล้วหรอที่ใครจะเข้าไปขัดขวาง?

ภาระในปัญหาทางการเมือง ยังคงอยู่ในเงินยูโร เนื่องจากเป็นสกุลเงิน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากภาวะเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ที่ไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นที่อ่อนแอในปีนี้ได้ และยังไม่รวมถึง ประเทศอิตาลี ด้วยเช่นกัน

กรุงบรัสเซลส์อยู่ในสี่แยก ถ้าหากสหภาพยุโรป ได้ช่วยประเทศอิตาลี ที่ในตอนนี้มีการขาดดุลในงบประมาณ โดยมากกว่าระดับที่รับรองได้ของหน่วยงานในระดับภูมิภาค ทางด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็กำลังรอให้มันปรับตัวลงมา ตามความเป็นจริงแล้วก็คือว่า มีหลายประเทศที่มีปัญหาอื่นๆ อีกในระดับภูมิภาค อย่างเช่น ประเทศสเปนและกรีซ ที่อาจจะต้องเห็นด้วยกับการตัดสินใจในทิศทางนั้นๆ ในกรณีที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ประเทศอิตาลีก็ต้องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปทุกๆที่มีปัญหาทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะมองไม่ในที่แห่งไหน

ในขณะที่ "แนวโน้มขาขึ้น" ในยุโรปยังคงพึ่งพาการเพิ่มขึ้นของนักลงทุน ที่ไม่พอใจกับเงินดอลลาร์ แต่ หากปราศจากการแทรกแซงของนาย Trumps มันก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะมีการปรับตัวขึ้นอย่างสูง ในกรณีนี้เอง สมมติฐานในการรักษากำลังของคู่สกุลเงินเงินยูโรและดอลลาร์ ในระดับ 1.145-1.18 ดูเหมาะสมอยู่